พิสูจน์คำสอนของวัดพระธรรมกาย ตอน โรงพิพากษา ที่ไม่เคยละเว้นใคร


จากครั้งที่แล้ว ได้นำท่านผู้อ่าน ชมนิทรรศการกฏแห่งกรรมที่ วัดพระธรรมกาย ในห้องแรก ห้องพระพุทธเจ้าเปิดโลกกันแล้ว ตอนนี้ ก็มาถึงคิวของห้องที่สอง ห้องโรงพิพากษาในยมโลก ห้องที่ไม่มีใครอยากไป แต่หากไม่รู้กฏเกณฑ์ว่า ทำอย่างไรจึงจะไม่ต้องไป หรือเข้าใจว่าตนรู้กฏเกณฑ์ แต่เป็นการรู้แบบผิดๆ หรือแม้แต่ ไม่รู้เลยว่า ห้องแบบนี้ ก็มีอยู่ในโลกด้วย จึงใช้ชีวิตประมาทพลาดพลั้ง ผลลัพธ์ที่ออกมาจะเป็นเช่นไรนั้น นิทรรศการกฏแห่งกรรมในห้องที่สอง เป็นส่วนหนึ่งของคำตอบให้ทุกท่านเลยครับ
                      

เริ่มจากคณะผู้ชม เดินทางเข้าสู่ห้องที่สอง ก็จะได้พบกับนักแสดงอีกท่านหนึ่ง แต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีเนื้อ ดูคล้ายกับผู้ที่ต้องไปรับโทษทัณฑ์ในนรก เธอมาเปิดเผยความจริงให้ทราบว่า ความตายที่หลายคนคิดกันว่า นั่นคือ การสิ้นสุดของชีวิตนั้น แท้จริงแล้ว นั่นไม่ใช่การสิ้นสุด แต่เป็นการเริ่มต้นของชีวิตใหม่หลังความตาย และหากทำผิดกฏผิดเกณฑ์ของกฏแห่งกรรม ชีวิตใหม่จะเริ่มต้นที่อบาย จากนั้น ผู้ที่ต้องรับโทษทัณฑ์รายนี้ ก็จะวิ่งนำผู้ชมไปยังสถานที่ที่เรียกว่า โรงพิพากษา แล้วหายตัวไป


เมื่อมาถึงตรงนี้ การพิพากษาก็เริ่มเปิดฉากขึ้น ท่านพญายมราช สั่งการด้วยเสียงที่มีอำนาจ ให้นำตัวผู้ที่ต้องรับโทษทัณฑ์ หรือที่เรียกกันคุ้นหูว่า "สัตว์นรก" ออกมา ตามมาน้ำเสียงหวีดร้องที่น่าสะพรึงกลัวของนักแสดงที่รับบทเป็นผู้ที่ต้องรับโทษทัณฑ์ ที่กำลังถูกลากตัวออกมาโดยเจ้าหน้าที่ยมโลก ที่เรียกว่า "นายนิริยบาล" 



เมื่อลากตัวผู้รับโทษทัณฑ์มาถึงตรงหน้าพญายมราช เจ้าหน้าที่ก็ได้กล่าวรายงานว่า ผู้รับโทษทัณฑ์รายนี้ ชื่อ อัมรากร เสียชีวิตเมื่ออายุ 67 ปี ท่านพญายมราชก็เริ่มการพิพากษาด้วยการให้ สุวานเลขาเปิดบัญชีบาปของ อัมรากร

นักแสดงที่รับบทเป็น พญายมราช

นักแสดงที่รับบทเป็นนายนิรยบาล
ถึงตรงนี้จะพบว่า ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ตอนมีชีวิตอยู่เคยมีอำนาจอิทธิพลยิ่งใหญ่เพียงไหน มีทรัพย์สินเงินทองมากมายเพียงใด ก็ไม่สามารถปกปิดบาปกรรมที่เคยทำไว้ได้เลย บัญชีบาปของสุวานเลขา จะเปิดเผยทุกสิ่งทุกอย่างให้ได้เห็นทั้งสิ้น ซึ่งในที่นี้ อัมรากร บัญชีบาปปรากฏภาพว่า เป็นคนจิตใจหยาบช้า คบหาคนพาลเป็นมิตร ทุจริตในหน้าที่การงาน.....

  
นักแสดงที่รับบทเป็นสุวานเลขา

และเมื่อมีอำนาจอันมิชอบ ก็ใช้อำนาจนั้น กลั่นแกล้งคนดีมีศีลธรรม ฉ้อฉนโกงกินเงินแผ่นดิน และทรัพย์สินผู้อื่น ซึ่งในการแสดง เมื่ออัมรากรได้ฟัง ก็เถียงกลับ ตามประสาผู้ที่เคยมีอำนาจอิทธิพลเหลือล้นในโลกมนุษย์ แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะอำนาจอิทธิพลเหล่านั้น ช่วยอะไรตนไม่ได้อีกแล้ว ความตายได้พรากทุกสิ่งทุกอย่างไปจนหมดสิ้น ซึ่งชีวิตใหม่หลังความตายนั้น สิ่งที่ใช้ตัดสิน มีเพียงบุญและบาปเท่านั้น

คราวนี้ ท่านพญายมราชก็ให้ สุวรรณเลขา เปิดบัญชีบุญของสัตว์นรกดูบ้าง ผลปรากฏว่า บัญชีบุญที่ปรากฏ มีเพียงการทำบุญในวาระสำคัญๆ ซึ่งนานทีปีหน จึงจะได้ทำสักครั้ง มีการบริจาคแก่คนยากบ้าง แต่ก็ทำไปเพราะเห็นว่า เป็นหน้าที่ เป็นหน้าเป็นตาในสังคม ไม่ได้ทำเพราะจิตเป็นบุญเป็นกุศลสักเท่าไหร่
นักแสดงที่รับบทเป็น สุวรรณเลขา
จากนั้น พญายมราชก็จะสอนว่า การได้เกิดเป็นมนุษย์นั้น เป็นของยาก เวลาในชีวิตของมนุษย์ก็มีน้อย ทุกคนรู้วันเกิด แต่ไม่มีใครรู้วันตาย เมื่อยังมีชีวิตอยู่ให้ตั้งอยู่ในศีลธรรมและคุณความดี จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจ ต่อหน้าท่านพญายมราชแบบนี้ ต่อจากนั้น ท่านพญายมราชให้ไปนำตัว อัมรากร ไปรับโทษฑัณฑ์ในยมราชต่อไป 



จบนิทรรศการในห้องที่สองแล้ว ยอมรับว่า แม้เป็นเพียงการแสดง แต่ด้วยบรรยากาศที่น่าสะพรึงกลัวในนรก และการแสดงที่สมจริง เพียงแค่นี้ ก็รู้สึกขนพองสยองเกล้าแล้ว แล้วถ้าหากต้องไปเผชิญของจริงในชีวิตหลังความตายล่ะ มันจะเป็นเช่นไร อย่ากระนั้นเลย ยามมีชีวิตอยู่พึงละบาปสร้างบุญไว้เถิด อดีตที่เคยผิดพลาดลืมให้หมด บาปใหม่อย่าได้กระทำ ทำแต่บุญกุศลไว้ ละโลกไป จะได้มีที่พึ่งติดตัวไปในโลกหน้า ไม่ต้องมาพบเจอแบบนี้อีกเลย




พิสูจน์คำสอนของวัดพระธรรมกาย ตอน โรงพิพากษา ที่ไม่เคยละเว้นใคร พิสูจน์คำสอนของวัดพระธรรมกาย ตอน โรงพิพากษา ที่ไม่เคยละเว้นใคร Reviewed by Kiat on 17:37 Rating: 5

1 ความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.