พระพุทธเจ้าสอนอย่าง ธรรมกายสอนอีกอย่าง จริงหรือ

จากที่กระแสผ่านสื่อหลายสื่อมาว่า วัดพระธรรมกาย สอนคำสอนที่แตกต่างออกไปจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยแจกแจงมาว่ากันเป็นข้อๆเลยว่า พระพุทธเจ้าสอนอย่าง ธรรมกายสอนอีกอย่าง ในขณะที่เหล่าสาธุศิษย์ ที่ไปปฏิบัติธรรมที่วัดพระธรรมกาย ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า คำสอนของหลวงพ่อธัมมชโย แห่งวัดพระธรรมกาย ล้วนไม่แตกต่างจากคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่มีอยู่ในพระไตรปิฎก ซึ่งเมื่อสองฝักสองฝ่าย มีความเห็นและทัศนะที่แตกต่างกันเช่นนี้ วิธีพิสูจน์ก็มีอยู่นั่นคือ พลิกดูคำสอนของพระพุทธเจ้าในพระไตรปิฎกนั่นเองครับ

ความเห็นที่สื่อบางสื่อยกมาในข้อแรก คือ พระพุทธเจ้าสอนว่า การบริจาค การให้ ก็เพื่อละกิเลสความโลภ กำจัดตัณหา แต่ธรรมกายสอนให้บริจาคเพื่อแลกกับสวรรค์ และความร่ำรวย เพื่อความมักใหญ่ใฝ่สูง พอกพูนกิเลส สะสมตัณหา ความทะยานอยาก ซึ่งหากมองกันโดยผิวเผิน “ถ้าพระพุทธเจ้าท่านสอนให้บริจาคทานเพื่อแลกกับความร่ำรวยจริง แล้วทำไมท่านจึงสอนให้ผู้ครองเรือน ละทิ้งทรัพย์สิน ตำแหน่งหน้าที่การงานชื่อเสียงเกียรติยศในทางโลก แล้วมาบวชเป็นพระภิกษุ แสวงหาทางหลุดพ้นล่ะ คำสอนไม่ขัดกันเองหรือ แต่หากพระพุทธเจ้า ไม่ได้สอนว่า บริจาคทาน แล้วได้โภคทรัพย์ความร่ำรวยจริง แล้วเหตุใดชาววัดพระธรรมกายจึงบอกว่า การให้ทานแล้วได้โภคทรัพย์ ก็เป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนเช่นกันล่ะ แล้วความจริงเป็นอย่างไร อะไร คือ คำสอนที่ถูกต้อง เราก็ต้องไปพลิกพระไตรปิฎกกันดูล่ะครับ

พระวรุต สละทรัพย์ หน้าที่การงาน ชื่อเสียงทางโลก ออกบวชอยู่ช่วงหนึ่ง ซึ่งเป็นการขัดเกลากิเลสช่วงหนึ่งของชีวิต
วัดพระธรรมกาย สอนว่า การทำทาน ทำให้ได้ทรัพย์สมบัติ
วัดพระธรรมกาย สอนว่า ทำทาน รักษาศีล ได้ไปสวรรค์
ซึ่งจากการพลิกพระไตรปิฎกพบว่า พระพุทธเจ้าท่านเป็นผู้ฝึกมนุษย์และเทวดา ที่ไม่มีผู้ใดเสมอเหมือน การสอนของท่านจะเน้นจริตอัธยาศัยของผู้ฟัง พื้นฐานจิตใจ และวาสนาบารมีที่ได้สั่งสม อบรมตนเองมาก่อน ทั้งนี้เพราะผู้ฟังมีมากหลาย ล้วนแล้วแต่ต่างจริตต่างอัธยาศัย อีกทั้งวาสนาบารมีในอดีตก็มากน้อยแตกต่างกัน จะให้สอนเพียงอย่างเดียวเหมือนกันหมด แล้วให้ผู้ฟังบรรลุธรรมเหมือนๆกัน ย่อมเป็นไปไม่ได้แน่นอนครับ ซึ่งหากผู้ฟังมีวาสนาบารมี และอัธยาศัยที่จะได้หมดกิเลสในชาตินี้ หรือใกล้ที่จะหมดกิเลสแล้ว ก็จะทรงสอนให้ปล่อยวาง ละคลายความยึดมั่นถือมั่นในทุกสิ่งทุกอย่าง ซึ่งท่านพุทธทาสนิยมเรียกว่า ละตัวกูของกู เพื่อเร่งขจัดกิเลสในใจตนให้หลุดร่อนไป จนหมดกิเลสบรรลุธรรม ยกเว้น บุคคลพิเศษบางท่าน เช่น พระนันทะ ที่ทรงสอนให้ปฏิบัติธรรม แลกกับการได้นางฟ้าเทพธิดาบนสวรรค์ จนเมื่อท่านนันทะปฏิบัติธรรมจนบรรลุธรรม ท่านก็ไม่ต้องการนางฟ้าเทพธิดาใดๆอีกแล้ว อย่างนี้ก็มีครับ ไม่ใช่สอนให้หลุดพ้นโดยบอกให้ละตัวกูของกู แต่เพียงอย่างเดียว
พระนันทะ คลิก : http://www.84000.org/one/1/07.html

แต่หากผู้ใดยังมีอัธยาศัยอยู่ครองเรือนในทางโลก ยังบำเพ็ญบารมีมาไม่แก่รอบ ท่านก็จะสอนให้ทำทานเองเพื่อความมีโภคทรัพย์สมบัติ ชักชวนคนทำทาน เพื่อความมีบริวารสมบัติ ดังเช่น ข้อมูลในพระไตรปิฎก เรื่องเศรษฐีตีนแมว ที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า ผู้ใดให้ทานเอง ผู้นั้นย่อมได้โภคทรัพย์สมบัติ ชักชวนคนอื่นทำทาน ก็ย่อมได้บริวารสมบัติ ส่วนผู้ไม่ให้ทาน ก็ย่อมไม่ได้โภคทรัยพ์สมบัติ ไม่ชักชวนคนอื่นทำทาน ก็ย่อมไม่ได้บริวารสมบัติ ทำให้ชายหนุ่มคนหนึ่งปรารถนาได้สมบัติทั้งสอง คือ ทรัพย์และบริวาร จึงนิมนต์พระภิกษุหมดวัดไปฉันภัตตาหารในวันรุ่งขึ้น แล้วไปชักชวนผู้คนในตลาดให้มาร่วมบริจาคเพื่อทำภัตตาหารถวาย จนเป็นที่มาของฉายา เศรษฐีตีนแมว ครับ
คลิก : http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=19&p=6
หรือศึกษาเรื่องราวของเศรษฐีตีนแมวฉบับภาษาชาวบ้านได้จากบทความนี้
คลิก : http://arrowheros.blogspot.com/2016/04/blog-post_14.html

นอกจากนี้ยังทรงสอนให้ ทำทานเพื่อไปสวรรค์ ดังเช่น ข้อมูลในพระไตรปิฎกเรื่อง ทานที่ผลมาก มีอานิสงส์มาก กล่าวถึงการบริจาคทานแด่สมณะผู้ประพฤติธรรม ย่อมมีผลเลิศ เกื้อกูลแก่สวรรค์ และมีวิบาก หรือผลแห่งกรรมดีที่เป็นสุข ทั้งนี้เพื่อให้ผู้นั้นได้มีชีวิตที่สะดวก มีเวลาและโอกาสสั่งสมคุณความดี บำเพ็ญบารมีให้แก่รอบ ซึ่งจะทำให้มีวาสนาบารมีและอัธยาศัยได้บรรลุธรรมในชาติใดชาติหนึ่งในอนาคต เพราะหากเป็นอยู่แร้นแค้น ย่อมไม่มีอารมณ์ปฏิบัติธรรมสั่งสมวาสนาบารมีอย่างแน่นอน ดีไม่ดีต้องไปทำผิดศีลเพื่อความอยู่รอด เลยไปอบายแทน

การสอนสั่งมนุษย์ และเทวา ทั้งหลายของพระพุทธเจ้า จึงไม่ได้มีเพียงรูปแบบเดียว แต่มีหลากหลายรูปแบบ อุปมาดั่ง การแล่นเรือฝ่าคลื่นลมในมหาสมุทรไปถึงฝั่ง ผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นแล่นเรือ หรือ กำลังแล่นเรืออยู่กลางมหาสมุทร ย่อมได้รับการสอนหลักปฏิบัติในการเดินเรือที่แตกต่างจากผู้ที่แล่นเรือเข้าใกล้ฝั่งเต็มที่แล้ว นั่นเอง หากเพิ่งเริ่มต้นแล่นเรือ หรือ กำลังแล่นเรืออยู่กลางมหาสมุทร หลักการปฏิบัติที่สำคัญคือ ต้องสั่งสมเสบียงในการเดินเรือให้เพียงพอต่อการแล่นเรือเข้าหาฝั่ง ยิ่งถ้าฝั่งยังอยู่ไกลมาก ก็ยิ่งต้องสั่งสมเสบียงมาก แต่หลักการปฏิบัติเมื่อแล่นเรือเข้าใกล้ฝั่งเต็มที่แล้ว อีกนิดเดียวก็จะถึงฝั่งแล้ว ท่านให้ทิ้งเสบียงที่มีอยู่ แล้วรีบแล่นเรือเข้าสู่ฝั่งโดยเร็วที่สุด พอไปถึงก็ทิ้งเรือไว้ข้างหลัง ไม่แบกเรือขึ้นฝั่งนั่นเอง
อุปมาดั่งคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่สอนโดยดูจริตอัธยาศัยของผู้ฟัง หากเป็นผู้มีบารมีแก่รอบใกล้ถึงฝั่งพระนิพพาน ก็จะทรงสอนให้ปล่อยวางในตัวตนในทางโลก เรียกง่ายๆ ว่า ละตัวกูของกู มุ่งปฏิบัติธรรมสู่ฝั่งพระนิพพาน แต่หากจริตอัธยาศัยของผู้ฟัง ยังต้องบำเพ็ญบารมีอยู่อีกหลายภพหลายชาติ ก็จะทรงสอนให้บำเพ็ญทาน เพื่อให้ได้โภคทรัพย์ ได้ไปสวรรค์ ซึ่งจะเป็นเสบียงให้เขาได้ประพฤติปฏิบัติธรรมได้อย่างสะดวกในภพชาติต่อๆไป ก่อนที่จะมีบารมีถึงพร้อมสู่ฝั่งพระนิพพานนั่นเอง

แล้ววัดพระธรรมกายล่ะสอนอย่างไร ตอบว่า วัดพระธรรมกายก็สอนเหมือนพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นั่นเองครับ คือ หากเป็นญาติโยมสาธุชนทั้งหลายที่มาวัด หลวงพ่อท่านก็สอนว่า การบำเพ็ญทาน ทำให้ได้โภคทรัพย์สมบัติ คือ รวยนั่นแหละครับ ละโลกแล้ว หากตั้งใจรักษาศีลด้วย บำเพ็ญทานด้วย ก็จะได้ไปสวรรค์ เป็นสหายแห่งเทวดา แต่ท่านไม่ได้สอนเพียงเท่านั้นนะครับ เพียงแต่คำสอนถัดจากนี้จะไม่ได้ออกสื่อ ด้วยเหตุผลใดก็ไม่ทราบเหมือนกัน ท่านจะสอนว่า สวรรค์เพียงเป็นที่เพลินใจชั่วครู่ เป็นที่พักชั่วคราว ไม่ควรประมาทให้เร่งสร้างบุญบารมี คือ รักษาศีล และเจริญภาวนาด้วย เพื่อให้บรรลุธรรมตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในกาลก่อนนั่นเอง ดังในนิทรรศการ ทางรอดวิกฤติชีวิตมนุษย์ที่จัดที่วัดพระธรรมกาย ช่วงเดือนธันวาคม ปี 2558 ที่ผ่านมา
โซนสวรรค์ คลิก : https://www.youtube.com/watch?v=yE9V6z3ZfEk
โซนนรก คลิก : https://www.youtube.com/watch?v=y6r_KkWynYk
โซนพุทธะ คลิก : https://www.youtube.com/watch?v=LM065GZ932s

ยิ่งถ้าเป็นพระภิกษุในวัด ท่านก็ยิ่งเน้นให้รักษาศีล และเจริญภาวนายิ่งกว่าสาธุชนยิ่งๆขึ้นไปอีกหลายเท่าเลยครับ เช่น ให้คิดเสมอว่าตนเป็นพระทั้งในยามหลับและยามตื่น หากมีโอกาสพิเศษท่านก็จะชวนลูกพระเณรอยู่อิริยาบถ 3 คือ ปฏิบัติธรรมโดย ยืน เดิน นั่ง แต่ไม่นอน เพื่อให้เข้าถึงธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั่นแหละครับ แต่คำสอนส่วนนี้ ผมไม่เคยได้เห็นสื่อทั้งหลายนำไปออกเลยจริงๆ

สรุปได้ว่า
สิ่งที่สื่ออื่นพูดมาว่า พระพุทธเจ้า สอนให้บำเพ็ญทาน เพื่อละกิเลสนั้น ก็ถูก แต่การที่สื่ออื่นไปบอกว่า พระพุทธเจ้าสอนว่า บำเพ็ญทานแล้วได้โภคทรัพย์ร่ำรวยไปสวรรค์นั้นผิด ย่อมเป็นการบิดเบือนคำสอนของพระพุทธเจ้าครับ คือ ถูกส่วนหนึ่ง ไม่ใช่ถูกทั้งหมด ต้องดูจริตอัธยาศัยของผู้ฟังด้วย
อีกทั้งการเพิ่มเสริมเติมแต่งว่า การสอนให้ทาน แล้วได้ทรัพย์สมบัติความร่ำรวยนั้น คือการสั่งสมความมักใหญ่ใฝ่สูง พอกพูนกิเลส สะสมตัณหา และความทะยานอยาก นั้น ก็คือความเข้าใจผิด หรือมีอคติ เพราะไม่ได้มาศึกษาธรรมะทั้งหมดที่วัดพระธรรมกายสอนนั่นเอง

ส่วนที่บอกว่า ธรรมกาย สอนให้ทำทาน และจะได้โภคทรัพย์คือความร่ำรวย และได้ไปสวรรค์นั้น ก็ถูกส่วนหนึ่ง แต่วัดพระธรรมกาย ไม่ได้สอนเพียงแค่นี้ ยังมีสอนว่า สวรรค์เป็นเพียงที่พักชั่วคราวเท่านั้น ไม่ควรประมาทเพลิดเพลินในสวรรค์ แต่สื่อตัดเอาบางส่วนออกมา ชี้นำเพื่อหวังให้คนเข้าใจผิด นั่นเองครับ

จะเห็นได้ว่า จะพิสูจน์สิ่งใดก็ตาม ฟังจากสื่ออย่างเดียวไม่พอ เพราะสื่อต่างๆ เหล่านั้น ก็ไม่ได้รู้และชำนาญไปทุกสาขาอาชีพ ทุกเรื่องราว ที่รู้อย่างผิดๆ ก็มีอีกมากมาย การจะพิสูจน์สิ่งใดอย่างถ่องแท้ ควรให้เวลาศึกษาและปฏิบัติอย่างจริงจัง ก็จะได้ข้อมูลที่ครบถ้วนกระบวนความมากที่สุด ก่อเกิดปัญญาอย่างแท้จริงครับ
พระพุทธเจ้าสอนอย่าง ธรรมกายสอนอีกอย่าง จริงหรือ พระพุทธเจ้าสอนอย่าง ธรรมกายสอนอีกอย่าง จริงหรือ Reviewed by Kiat on 02:37 Rating: 5

34 ความคิดเห็น:

  1. เขียนได้ดีมากๆเลยค่ะ คนเราเดียวนี้ไม่เคยศึกษาคำสอนที่แท้จริง หาผู้ที่เชียวชาญด้านศาสนายาก ที่มีส่วนใหญ่ก็เป็นศาสนาในความคิด บางคนถึงกับบอกว่าศาสนาเป็นเรื่องสูง พอคิดอย่างนี้ก็ไม่ศึกษาในพระพุทธศาสนา ฟังแต่นักวิชาการ
    ที่หยิบแต่ส่วนที่ตัวเองชอบมาสอนคนอื่น บางครั้งนักวิชาการเหล่านั้นก็ไม่ได้เชี่ยวชาญศาสนาเลย

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ใช่ค่ะถูกคำเขียนค่ะสาธุกับผู้ที่เจริญแล้วด้วยธรรมะค่ะ

      ลบ
  2. ค่ะ เขียนได้ดีมาก จริงๆ ต้องแชร์

    ตอบลบ
  3. สาธุค่ะ...ชาวพุทธเถียงกันว่าตนรู้จริง แม้บางคนยังอวดอ้างเป็นพระอรหันต์ ว่าไปโน่น แต่กิเลสยังท่วมใจเบียดเบียนริษยา ที่เถียงเอาเป็นเอาตายทำตัวเป็นพหูสูตรก็ไม่ได้รู้จริง สำคัญการปฏิบัติให้เข้าถึงธรรม

    ตอบลบ
  4. ...ต้องเข้าวัดมาศึกษาดูก่อน
    วัดสอนอะไรจริงๆ ไม่ใช่ฟังข้อมูลส่วนเดียวแล้วตัดสินใจ >>>ชอบ /ไม่ชอบ ,ใช่/ไม่ใช่
    คนเราชอบเชื่ออะไรง่ายๆ สื่อจะนำให้ข้อมูลอะไรไปก็ไม่ได้พิจารณาให้ดี น่าคิดว่าสื่อต่างๆ เป็นใคร? ยังเป็นมนุษย์ผู้มีกิเลส ไม่รู้ว่าศีล 5 ทำได้ใหม? ทานทำบ้างใหม? สมาธิเคยนั่งบ้างใหม? แล้วจะเชื่อได้มากอย่างไร ในแต่ละข่าวที่ออกมา >>>ต้องมีสติให้ดี
    แม้พระพุทธองค์ก็ทรงสอนไม่ให้เชื่อในสิ่งที่ทานบอกกล่าว แต่ให้ลองนำไปปฏิบัติดู ให้เห็นจริงด้วยตัวเอง เช่นนี้

    ตอบลบ
  5. ชัดเจนมากเลยค่ะ ต้องแชร์

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ถูกต้องเลยค่ะท่านสอนตามพระพุทธเจ้าทุกอย่าง สาธุ สาธุ สาธุค่ะ

      ลบ
  6. วาว นี่เขาศึกษาเข้าใจจริง นับถือ ท่านทั้งหลายแสดงความกล้าหาญอ่านดู และไปเปิดพระไตรปิฏกเทียบเลย จะได้รู้ว่าจริงตามบทความนี้ไหม จะได้รู้กันว่าวัดนี้สอนผิดหรือเปล่า

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. สาธุกับผู้มีปัญญาค่ะขอกราบท่านจากใจจริงจ้า

      ลบ
  7. อาตมาเห็นด้วยกับการจัดระบบของวัดพระธรรมกายที่ช่วยพยุงพุทธศาสนาเอาไว้ แต่สิ่งที่ท่านเจ้าของโพสแสดงมานั้นต้องเกิดจ่ากเจตนามาก่อนในเบื้องต้น การให้ทานแม้สลึงเดียวหรือ1ล้าน เจตนาย่อมเป็นตัวชี้วัดหน่วยบุญ แต่ถ้ามีพระสงฆ์ที่เป็นประธาณชี้นำในการทำบุญเสียแล้ว แม้ไม่ได้บังคับก็คือมิจฉาทิฐิของพุทธบริษัท ใช่หรือไม่? แม้แต่พัทธสีมาหรือลักษณะของวัดต้องเป็นไปตามหลักพระธรรมวินัยคือ อยู่แบบเรียบง่ายสมถะเพื่อการปล่อยวางจากกิเลส พระพทธเจ้าจึงเลือกอยู่ตามโคนต้นไม้ใช้ผ้าบังสุกุล(ผ้าห่อศพในการนุ่งห่ม) อยู่ตามชายป่าเป็นวัตร ถามว่าธรรมกายมีพื้นที่กี่ไร่ ลักษณะของอาคารเป็นโดมเหมือนศูนย์กลางแสดงสินค้า ใช่รูปแบบวัดหรือ? มีอุตสาหกรรมสิ่งทอคือโรงงานทำผ้าไตรจีวรเป็นของตัวเอง มีสื่อทีวีเป็นของตัวเอง มีการจัดการระบบการทำกิจกรรมเป็นรูปแบบออเกไนซ์ มีรถนำขบวนและปูด้วยดอกไม้ในเขตชุมชน การแต่งกายที่ขัดหลักพระธรรมวินัยของเจ้าอาวาส การชี้นำว่านิพพานเป็นอัตตาคือมีตัวตน ก็คือต้องอาศัยผู้นำคือเจ้าอาวาสเป็นหลักนั่นคือภัยทางพุทธศาสนาด้วยซ้ำ คงไม่ต้องให้อธิบายเพราะเห็นตามสื่ออยู่แล้ว รวมถึงระบบการจัดการบริหารด้านการเงินของวัดที่เป็นระบบธุรกิจมีหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ หากทุกท่านจะช่วยให้พุทธศาสนาพ้นภัยแต่ต้องยอมรับในสิ่งเหล่านี้ได้ ถามท่านว่าชาวพุทธเข้าใจศาสนาแค่ไหน? เพียงเพื่อรักษาเอาไว้แล้วต้องเปลี่ยนคำสอนพระพุทธองค์ หากธรรมกายเปลี่ยนรูปแบบยเป็นพุทธแท้เมื่อใด อาตมาก็เห็นด้วยและจะสนับสนุนและพร้อมเข้าร่วมทันที...พุทธศาสนาคือการใช้ปัญญามิใช่หรือ?...เจริญพร

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ขอตอบเป็นข้อๆ ดังนี้นะครับ
      1) ถ้ามีพระสงฆ์เป็นประธานเทศน์ชี้นำในการทำบุญ แม้ไม่ได้บังคับก็เป็นความเห็นผิด ใช่หรือไม่
      คำตอบคือ ไม่ใช่น่ะครับ เพราะพระพุทธเจ้าท่านเทศน์ในตอนเศรษฐีตีนแมว ตอนนั้นท่านก็นั่งเป็นประธานสงฆ์และเทศน์ให้หมู่ชนอยู่ พระพุทธเจ้าเทศน์ว่า ทำทานแล้วได้โภคทรัพย์ โดยไม่ได้บังคับ หากคิดตามพระคุณเจ้าบอกมา อย่างนี้ ก็บอกว่าพระพุทธเจ้าชี้นำให้ทำทาน ย่อมมีความเห็นผิด อย่างนั้นหรือครับ
      2) พระพุทธเจ้าสอนให้อยู่โคนไม้จริงครับ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด นั่นคือการถือธุดงค์ ปฏิบัติอย่างยิ่งยวด ใครปฏิบัติก็ได้ ไม่ได้บังคับ เช่น พระมหากัสสัปปะปฏิบัติอยู่ แต่พระพุทธองค์ทรงอยู่วัดพระเชตวัน มีพื้นที่กว้างใหญ่ ที่ท่านเศรษฐีเอาเงินมาปูเรียงเคียงกันนั่นแหละครับ ใช่ไหมครับ
      3) รูปลักษณ์ของสิ่งก่อสร้างก็เป็นไปตามยุคสมัยน่ะครับ เจดีย์ยุคก่อน คือ บรมพุธโธ ที่อินโดนิเซียนั่นก็เป็นโดมครับ แต่ของไทยที่มาในยุคหลังก็เป็นทรงยอดแหลม ไม่ผิดแต่อย่างใด
      4) เรื่องนิพพาน แม้พระสังฆราชในอดีต ชื่อ แพ ติสสโว ท่านก็เห็นว่า เป็นอัตตาครับ ถ้าต้องการหลักฐานเดี๋ยวผมจะลองหามาให้ แต่ท่านก็ไม่ได้ปฏิเสธ ผู้ที่เห็นว่านิพพานเป็นอนัตตา เพราะไม่ได้สำคัญ ที่สำคัญคือ หลักปฏิบัติไปนิพพาน เหมือนจะไปเชียงใหม่ คนที่บอกว่า เชียงใหม่สีเขียว อีกคนบอกเชียงใหม่ ไม่เหมือนที่ไหนเลยต่างหาก ก็ไม่สำคัญเท่า แผนที่ไปเชียงใหม่ ถูกไหมครับ
      5) มีหุ้นมีตลาดหลักทรัพย์ นั้นไม่มีที่วัดพระธรรมกายนะครับ มีแต่อยู่นอกวัด ก็เป็นเรื่องของญาติโยมเขาเปิดร้าน เปิดบริษัทข้างวัดๆ ครับ
      ยินดีสนทนากันด้วยเหตุด้วยผลครับ และไม่จำเป็นต้องเชื่อผม แต่พิสูจน์ด้วยหลักธรรมในพระไตรปิฎก จะดีกว่าครับ

      ลบ
    2. สาธุ.อนุโมทนาในคำตอบที่คาใจค่ะ..

      ลบ
    3. ขอเสริมข้อหนึ่งอีกประการหนึ่งนะครับว่า การบอกบุญโดยพระเป็นการชี้นำให้โยมทำบุญหรือไม่ ตอบว่าแม้แต่ทองคำ พระอรหันต์ในกาลก่อนท่านก็ไปบอกบุญโยมถึงหน้าบ้าน เพื่อสร้างเจดีย์บูชาพระพุทธเจ้า ก็มีมาแล้วครับ ศึกษาได้จาก Blog นี้
      http://arrowheros.blogspot.com/2016/03/blog-post_29.html

      ลบ
    4. ท่านบวชมากี่พรรษา ศึกษาพระไตรปิฏกแค่ไหน นั่งสมาธิได้ระดับไหน รู้แค่งูๆปลา อย่ามาหาอเวจีใส่ตัวเลย ขอบิณทบาตเถิด กลับไปศึกษาให้ถ่องแท้ แล้วมากราบขอขมาในความเห็นผิด ลดกรรมหนักให้เบาลงดีกว่าไหมคะ

      ลบ
    5. ไม่เป็นไรหรอครับ คุณ Anongnadh ยังไงท่านก็ยังเป็นพระ เราคุยกับด้วยเหตุด้วยผลได้น่ะครับ เพราะท่านก็ชื่นชมว่า วัดพระธรมกายฃ่วยพยุงพระพุทธศาสนาไว้ แสดงว่า ท่านเข้าใจอยู่ส่วนหนึ่งทีเดียวครับ

      ลบ
    6. ตอบได้ ชัดเจนมากค่ะ คุณKiatikoon Permaroon ควมคิดและเหตุผล ชัดเจนค่ะ เรียนธรรมะต้องเรียนจากพระไตรปิฎก และครูบาอาจารย์ที่เชี่ยวชาญ ไม่ปิดกั้นเพียงแค่ ฟังมา หรือตั้งคำตอบไว้แล้ว ก็ฟังธงว่าต้องแบบนี้ถึงจะถูก แต่ต้องศึกษาและเปิดใจกว้างด้วย เรียนธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงจะสนุ๊ก และเข้าใจ

      ลบ
    7. สาธุต้องแชร์ด่วนคนไม่รู้จะได้รู้และเข้าใจเสียที่เถียงกันอยู่ได้ไม่ยอมเข้ามาศึกษาดว้ยตัวเองสักทีสิ

      ลบ
  8. เหนด้วยอย่างยิ่งคะ ทุกสิ่งทุกอย่างที่วัดนำมาสอน อ้างอิงได้จากพระไตรปิฎกทั้งสิ้น

    ตอบลบ
  9. 5ห้องชีวิต

    http://kroosanti.blogspot.com/2013/04/blog-post_3382.html

    ตอบลบ
  10. แค่ละความชั่วทำความดีแล้วก็ทำใจให้ผ่องใส มันไม่เหมือนกับพระพุทธเจ้าท่านทรงสอนอย่างไรครับ

    ตอบลบ
  11. เขียนดีจริงๆ แต่คนอื่นอย่าอ่านแค่ตอนต้นๆนะ อิอิ

    ตอบลบ
  12. สาธุ อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ
    คนที่ยังไม่ได้มาศึกษาพระพุทธศาสนา ต้องมาศึกษาอย่างจริงๆ จังแล้วล่ะ เพราะความรู้ในพระพุทธศาสนาสามารถนำมาใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน และผลบุญจะได้ติดตัวไปข้ามชาติ

    ตอบลบ
  13. มามะคนดี มาเรียนธรรมะที่วัดพระธรรมกายกันเยอะๆนะ จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของสื่อ เหมือนตัวดิฉันเอง เพราะสื่อเขาก็ว่าวัดสอนผิดเพี้ยนนั่นแหละ จึงทำให้ดิฉันลงมือพิสูจน์ด้วยตนเองเลย เรียนทุกอย่างที่วัดสอน ธรรมศึกษาตรี โท เอก พระอภิธรรมศึกษา4ปี เรียนอยู่ 4 เรื่อง คือจิต เจตสิก รูป นิพพาน เรียนปีละเรื่อง เปิดมหาวิทยาลัยธรรมกายแคลิฟอร์เนีย หลักสูตรป.ตรี ก็จบได้เกียรตินิยมนะคะ แล้วก็ต่อโทที่DOU สาขาพุทธวิทยา อีก ดิฉันจบปริญญาโทจากหลายมหาวิทยาลัยทั้งในและต่างประเทศ อยากเขกกะโหลกตัวเองที่เชื่อแต่สื่อที่บิดเบือน นับว่าโชคดีมีบุญที่ได้เข้ามาเรียนทุกอย่าง ตอนนี้มีความรู้ทางธรรมจากพระไตรปิฏกที่วัดนี้สอนเพียบเลยค่ะ

    ตอบลบ
  14. เมื่อเป็นฆราวาส ก็มีชีวิตที่ไร้สาระ กินเหล้าหัวราน้ำ
    ทำแต่ความชอกช้ำใจให้บิดา มารดา ไม่มีศีลสักข้อ
    มาบวชเป็นบรรพชิต ก็น่าจะหาแต่สิ่งดีให้ตนเอง สติที่ยังตกอยู่ในฤทธิ์แอลกอฮอร์ที่ถูกทำร้ายมาหลายๆๆๆสิบปี ก็ยังสร้างความสิบัติให้แก่ผู้เป็นเจ้าของจนได้ น่าสงสารผู้ให้กำเนิด นั่งสมาธิปฏิบัติให้มากๆๆๆๆๆนะคะ จะช่วยสมองที่ป่วยได้ จะทำให้มีความคิดเห็นที่ถูกต้อง ดีงามกับเขาบ้าง นรกนั้นมีจริง อย่าเสี่ยงเลย
    -----คนนับล้านที่นับถือหลวงพ่อวัดพระธรรมกาย ล้วนแต่เป็นคนดี ครอบครัว การงาน เจริญรุ่งเรืองด้วยปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธองค์ที่ท่านนำมาถ่ายทอด
    แล้วค่ะท่าน มีความเจริญใดๆในชีวิตบ้าง ทั้งชีวิตสมัยเป็นมนุษย์ และชีวิตนักบวช(ไม่กี่วัน)ในปัจจุบัน อน่าหลงตัวเอง จนสร้างความหายนะแก่ชีวิตเลย
    ---- แค่ออกมาโพสต์นี้ ก็ผิดหลักการขั้นต้นของสมณะแล้ว ท่านรู้จักไหม ในโอวาทปาติโมกข์ ภิกษุผู้เข้าไปว่าร้าย ไม่ชื่อว่าเป็นสมณะเลย

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. แสดงว่า รู้จักกันกับผู้โพสข้างต้นหรือครับเนี่ย อ๋อ ขออภัย ผมไม่ทราบ

      ลบ
  15. การที่เขาต่อต้านธรรมกายเขาไม่ได้ต่อต้านคำสอนระดับศีลธรรมครับ ระดับศีลธรรมใครก็สอนได้ เขาสอนกันก่อนที่จะมีพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นในโลกแล้ว เรื่องนรกสวรรค์ พระพุทธเจ้าก็ไม่ได้คัดค้านอะไร พระพุทธมารดาก็ไม่เคยรู้จักพระพุทธศาสนา ตายไปก็ไปเกิดที่ ดุสิต เมื่อถึงเวลาอันควรพระพุทธเจ้าก็ขึ้นไปโปรดที่ดาวดึงส์ เพื่อให้พุทธมารดาไปให้พ้นเสียจาก สวรรค์หรือพรหม พระพุทธสาสนาไม่เริ่มต้นที่ นรกหรือสวรรค์หรอก เริ่มที่ เมื่อไดเห็นด้วยปัญญาว่า สิ่งทั้งหลายไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตา นี่เป็นทาง แต่ธรรมกายสอนคนระเรื่อง ไปอ่าน กรณีธรรมกายดู ที่พระพรหมคุณาพรเขียนไว้ครับถ้าอยากรู้จริงมีให้ดาวโหลดเยอะแยะ กลัวว่าจะไม่อ่านกันเท่านั้น อันที่จริงเมื่อตรัสรู้ใหม่ๆ พระพุทธเจ้าเกือบจะไม่สอนเสียด้วยซ้ำเนื่องจากเป็นสิ่งที่ลึกซื้งรู้ได้ยากผู้ที่รู้ได้ต้องเป็นพระอริยะ แต่ทรงพิจจารณาดูก็มีชนที่เป็นเหมือนบัวพ้นน้ำรอแค่พระอาทิตย์ก็จะบานแล้ว จึงได้ทรงสั่งสอน พวกบัวพ้นน้ำนั้นมีอยู่น้อยนิดบนโลกใบนี้ ไปดูอริยมรรคมีองค์แปด มีสัมมาข้างหน้าทุกองค์ การนั่งสมาธิมันก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของทาง ต้องรวมกันทั้งแปดองค์ถึงจะเป็นทาง ผมเห็นคนนั่งสมาธิเป็นแสนคน ที่จะเป็นสมาธิ และที่จะเป็นสัมมาสมาธินี่ผมไม่แน่ แต่ก็ดีอยู่หรอก ถ้าไม่เป็นมิจฉาสมาธิ เขาโจมตีธรรมกายเพราะทำลายโครงสร้างพุทธศาสนาครับ เรื่องปาฎิหาริย์ เรื่องเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า เป็นต้นธาตุต้นธรรม เรื่องไปรู้คนตายแล้วไปใหน เรื่องพระพุทธเจ้าไม่รุ้จักมาร และอีกหลายร้อยเรื่องจำไม่หวาดไม่ไหว ไปหาดูคลิปในเน็ตเอา

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ศีลธรรมใครก็สอนได้ รวมทั้งในพระไตรปิฎก 84000 พระธรรมขันธ์ ก็มีเรื่องศีลธรรม ถูกต้องครับ แต่สอนได้ถูกต้องหรือเปล่านั้นอีกเรื่องหนึ่งครับ

      2. นรกสวรรค์ พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า มีจริง ไม่ได้คัดค้านอะไร ถูกต้องครับ

      3. เมื่อใดเห็นด้วยปัญญาว่า สิ่งทั้งหลายไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา ก็จะพ้นทุกข์ แต่ธรรมกายสอนคนละเรื่อง ตรงนี้ขอปฏิเสธครับ เพราะนี่เป็นคำสอนที่สื่อไม่นำไปออก เพียงแต่ศัพท์อาจจะคนแบบนะครับ หลวงพ่อท่านสอนเสมอครับว่า กายมนุษย์ ทิพย์ พรหม อรูปพรหม หรือกายใดๆ ในภพสาม ล้วนไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และเป็นอนัตตา ชัดมั้ยครับ ผมฟังกับสองหูมาหลายปี เคยไปอ่านของสื่อที่คุณยกมา สื่อนั้นก็ยังเข้าใจผิดที่วัดพระธรรมกายสอน เพราะเข้าใจไปว่า วัดพระธรรมกายสอนเหมาไปหมดว่า ทุกสิ่งเที่ยง ทุกสิ่งเป็นสุข ทุกสิ่งเป็นอัตตา นี่คือความเข้าใจที่ผิดของสื่อในคำสอนวัดพระธรรมกายครับ ชัดมั้ยครับ

      4. ประโยคแรกนั่งสมาธิก็ดีอยู่หรอก ถ้าไม่เป็นสมาธิผิดทาง อีกประโยคเขาโจมตีธรรมกายเพราะทำลายโครงสร้างพระพุทธศาสนา นี่เป็นความเห็นที่ยอนแยงกันเองหรือเปล่าครับ เพราะประโยคแรกบอกดีเหมือนกัน ถ้าไม่ทำลาย อีกประโยคบอกทำลายไปแล้ว ตกลงทำลายแล้วหรือยังไม่ทำลายกันแน่ครับ

      5. เรื่องปาฏิหาริย์ เป็นสิ่งที่มีอยู่ในพระพุทธศาสนาครับ สมัยพระพุทธเจ้าห้ามแสดงปาฏิหาริย์แล้ว แต่พระอานนท์ ก็ดำดินไปโผล่กลางวงสังคายนา หลังพระพุทธเจ้าปรินิพพาน ลองคิดสิครับด้วยเหตุด้วยผลว่า ทำไมพระพุทธเจ้าห้ามแล้ว แต่พระอานนท์ยังแสดงปาฏิหาริย์ ก็เพื่อต้องการสื่อให้วงสังคายนาเห็นว่า ท่านเป็นพระอรหันต์แล้ว คุณสมบัติพร้อมสังคายนา เป็นต้น สรุปปาฏิหาริย์ พระพุทธเจ้าห้ามแสดง แต่ถ้ามีเหตุจำเป็นก็สามารถแสดงได้ครับ ไม่เหมือนข้อพระห้ามขโมยเงินคนอื่น ถ้าไปขโมยเงินคนอื่น ผิดทุกกรณี จะมาอ้างความจำเป็นใดๆ ไม่ได้ทั้งสิ้น เข้าใจไหมครับ

      6. ต้นธาตุต้นธรรม คิดง่ายๆ ว่า ก็ต้นเหตุนั่นแหละครับ เพราะพระพุทธเจ้าตรัสว่า ทุกสิ่งล้วนมีเหตุ เช่น ทำไมรถแล่น เพราะเครื่องยนต์หมุน ทำไมเครื่องยนต์ เพราะมีน้ำมัน ทำไมมีน้ำมัน ก็สาวหาเหตุไปเรื่อง หากสาวหาเหตุไปเรื่อยๆ ก็พบเจอต้นเหตุนั่นแหละครับ คำศัพท์อาจไม่คุ้นแค่นั้นเอง

      7. เรื่องตายแล้วไปไหน นี่พระพุทธเจ้าท่านก็คอยเทศน์สอนเป็นระยะๆ นะครับ ถ้าหากว่านี่คือทำลายโครงสร้างพระพุทธศาสนา อย่างนี้ การสอนของพระพุทธเจ้ากลายเป็นทำลายโครงสร้างพระพุทธศาสนาไปด้วยหรือเปล่าครับ เข้าใจผิดแล้วนะครับผมว่า

      8. เรื่องมาร ก็มีเทศน์สอนในพระไตรปิฎกมากมายครับ มาร 5 ฝูง กิเลสมาร ขันธ์มาร อภิสังขารมาร มัจจุมาร และเทวบุตรมาร ผมว่าต้องลองอ่านพระไตรปิฎกบ้างน่ะครับ อ่านสื่อยุคหลังๆ ที่ไม่รู้จริง ก็อาจทำให้เราเข้าใจผิดได้ว่า พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนเรื่องนั้นเรื่องนี้ เพราะสื่อนั้นศึกษาไปไม่ถึงต่างหาก น่ะครับ

      ลบ
  16. ขอบคุณค่ะ เขียนดีมากค่ะ :)

    ตอบลบ
  17. บทความมีประโยชน์แล้วก็ทำให้เข้าใจง่ายๆลึกซึ้งในคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ดีมากๆเลยครับผม ขอให้มีบทความที่ดีๆอย่างนี้ออกมาสร้างความรู้แก่คนที่แสวงหาธรรมะอยากศึกษาคำสอน ศึกษาปฏิบัติต่อไปนะครับ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ตอนนี้ มีมาใหม่เพิ่มเติมแล้ว ลองอ่านดูสิครับ
      http://arrowheros.blogspot.com/2016/04/blog-post_29.html?m=1

      ลบ
  18. จากที่ชัด ศึกษาย้อนไปพอควรรู้สึกว่า วัดธรรมกายไม่เคยช่วยเหลือศาสนาพุทธเลย วัดธรรมกายเป็นเพียงสร้างภาพ สังคม ในคนรุ่นใหม่
    การยกย่องวัดธรรมกายไม่เป็นธรรมแก่พระอาจารย์ทั้งหลายๆ ท่านที่บุกเบิกพุทธศาสนาสุ่ต่างประเทศ จนมีวัด มีรากฐาน และแพร่หลายมาก่อนเลย
    ตัวอย่างเช่น ท่านพระพุทธทาส หลวงปู่ชา และอีกมากท่าน เป็นต้น ที่มีวัดและศิษมากมายในยุโรป และส่วนอื่นๆ เป็นต้น วัดธรรมกายเพียงแทรกแทรงเข้ายึดสถานที่เหล่านั้น จะด้วยอำนาจ ตำแหน่งที่แทรกแซงเข้าไปได้ ผมสงสารพระอาจารย์หลายท่านที่บุกเบิกนะ ถูกเหยีบหัวอย่างไร้ปรานีจริงๆ จาที่ว่าวัดธรรมกายทำให้ศาสนาพุทธเจริญ และเจริญสู่ต่างประเทศ เหยึยบย่ำกันแบบไร้จิตสำนึกเลย
    มาถึงคำสอน เอาตั้งแต่บทสวดมนต์ทำวัตร "รูปไม่เที่ยง" การที่คนบอกเป็นชาวพุทธแต่หักดิบไม่เอา นั่งภาวนายึดในรูปอย่างวิชาธรรมกาย แลดูจะลบหลุ่ เย้ยหยันคำสอนพระพุทธองค์มากเกินไปไหม?
    รุ้วัดธรรมกายยึด ถึงใน มหาจุฬา มศ หรือ มส (พวกเด็กเหมดสิทธิ์สอบ) ยำยีคำสอนมาก และทำกันแบบทุกวัน สวดมนต์เสร็จ ก็ให้ภาวนาตั้งจิตฉีกคำสอนกันอย่างนี้เลย( จะสอนให้ ไม่ยึดถือในรูปเหรอ, กรุจะให้ยึดในรูปซะเลย, จะฉีกคำสอนเดิม แบบต่อหน้านี้แหล่ะ ใครจะทำไม)
    วันนี้พระไตรปิฏก ไม่รับรองคำสอนเลย แม้แต่ในมหายานก็ไม่มี(แม้วัดธรรมกายพยายามดึงมายำรวม เผื่อมี่ช่อง), แต่อีกไม่นาน คงจะสร้างพระไตรปิฏกที่รับรองคำสอน และก็ได้เริ่มสร้างแล้วด้วย ก็มี พระขายตัวใน มจฬ ที่จะมาช่วยเสริมกำลังรับรอง เพราะซื้อไว้หมดแล้ว, เศร้าสุดๆ วงการสงฆ์ไทย
    ทุกวันนี้ คุยในพระไตปิฏก ก็คนละฉบับ(ตีความก็ยากอยุ่แล้ว) จะค่อยๆ คุยกันไม่รู้เรื่องแล้ว
    สงสารลูกหลาน อนาคต ไม่อาจได้สัมผัสพระไตรปิฏกเดิม อีกต่อไป, อีกไม่นานเกินรอถ้า มศ. ยังเดินหน้าแบบนี้ต่อไป

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ยังศึกษามาไม่พอ น่ะครับ เพราะ ที่บอกว่า วัดพระธรรมกายไม่เคยช่วยเหลือศาสนาพุทธเลย เพราะเพียงแค่ ช่วยเหลือวัดใน 4 จังหวัดภาคใต้ ไม่ย้ายหนีโจรโต้ไปไหน ก็ช่วยทุกเดือนมา 12 ปีแล้ว จัดบวชแสนช่วยให้วัดไม่ร้าง ก็ 6 ปีแล้ว
      การยกย่องวัดพระธรรมกาย ถึอว่าไม่เป็นธรรมกับพระในอดีต ก็เป็นแนวคิดที่ต้องปรับแนวคิดใหม่ เพราะชมพระไม่ว่าวัดไหน ย่อมดีทั้งนั้น ท่านพุทธทาส ผมก็ชื่นชมมีอยู่ในบล็อคผมด้วย ชมไม่ใช่การด่า ถ้าด่าพระในอดีตน่ะใช่ ถือว่าไม่เป็นธรรม ไปคิดใหม่นะครับ
      การชมวัดพระธรรมกาย แล้วทำให้พระวัดอื่น ถูกเหยียบหัวอย่างไร้ปราณี เป็นการใช้คำที่ห่างไกลความจริงยิ่งนัก ต้องไปฝึกคิดแบบเหตุผลใหม่นะครับ
      เนื้อหาต่อจากนี้ ผมอ่านดูแล้ว ผู้โพสยังขาดความรู้ความเข้าในพระพุทธศาสนา เป็นคำโพสที่อ่านแล้วไม่เข้าใจ แถมยังวิจารณ์แบบไร้ข้อมูล เช่น พระขายตัว เหมือนสื่อใส่ความ มีมือจะพิมพ์อะไรก็พิมพ์เข้าไป ไร้ที่อ้างอิง ขาดความน่าเชื่อถือ ถ้าทำรายงานส่งอาจารย์แบบนี้ สมัยผม ศูนย์คะแนนแน่นอน เข้าใจนะครับ

      ลบ

ขับเคลื่อนโดย Blogger.